วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554
กฏหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
ความผิดอาญาที่เกี่ยวกับทรัพย์
1. ลักทรัพย์
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวม อยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท
(ผู้ใด เอาไป ทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยเจตนา)
2. วิ่งราวทรัพย์
มาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำ ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีและปรับ ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
( ผู้ใด เอาไปโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยเจตนา)
3. ชิงทรัพย์
ม.339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
- ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ -ปกปิดการกระทำความผิดนั้น
- ให้พ้นจากการจับกุม ผู้นั้นผิดฐานชิงทรัพย์
(ผู้ใด เอาไปโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยเจตนา)
4. ปล้นทรัพย์
มาตรา 340 ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ สามคนขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
(สามคนขึ้นไป ร่วมกันชิงทรัพย์ ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยเจตนา)
5. ยักยอกทรัพย์
ม.352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตน หรือบุคคลที่ 3โดยทุจริต ผู้นั้นผิดยักยอก
(ผู้ใดครอบครองทรัพย์ผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตน หรือบุคคลที่ 3 ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยเจตนา)
6. รับของโจร
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจรต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ
(ผู้ใด ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดตามที่กฏหมายกำหนด โดยเจตนา)
7. กรรโชกทรัพย์
ม.337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็น ทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่ากาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่ 3 จนผู้นั้นยอมเช่นว่านั้น กระทำผิดฐานกรรโชก
(ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่ากาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่ 3จนผู้นั้นยอม โดยเจตนา)
8. รีดเอาทรัพย์
ม. 338ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ในลักษณะเป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลอื่นเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น กระทำผิดฐานรีดเอาทรัพย์ (ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะเป็นทรัพย์สิน เปิดเผยความลับ โดยเจตนา)
9. ฉ้อโกงทรัพย์
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ ปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ผู้ใด เอาไป ทรัพย์ของผู้อื่นโดยการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง โดยเจตนา)
10. โกงเจ้าหนี้
มาตรา 349 ผู้ใดเอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์อันตนจำนำไว้แก่ผู้อื่น ถ้าได้กระทำ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้รับจำนำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(ผู้ใด เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ ที่ตนจำนำไว้แก่ผู้อื่น โดยเจตนา)
มาตรา 350 ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระ หนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล ให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(
11. ทำให้เสียทรัพย์
มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
12. บุกรุก
มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
………………………………………………………………………………
ป้ายกำกับ:
krumook
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เป็นความรู้เสริมในการศึกษา องค์ประกอบความผิด คือองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน
ตอบลบ