วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อย่าเห็นวัตถุสำคัญกว่าความดีเพื่อส่วนรวม

-ผู้ที่เป็นโสดมีรายได้พึงประเมินเกินจำนวนเท่าไร ต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีที่เรียกว่า ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91
-ผู้ใดที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
-ภาษีชนิดใดที่ผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายจะผลักภาระการเสียภาษีให้กับผู้ที่ซื้อสินค้า
-การชำระภาษีนิติบุคคล รัฐได้กำหนดอัตราการจัดเก็บไว้ที่เท่าใด
 -การจับกุมและคุมขังบุคคลจะกระทำได้ในกรณีใด
 -ความหมายของกฎหมายอาญาคือ......
-นายแดง นายขาว นายเขียวร่วมกับตบตีนางสาวฟ้าและแย่งเอากระเป๋าถือของนางสาวฟ้าหลบหนีไป นายแดง นายขาว นายเขียว มีความผิดฐานใด
-การที่ประชาชนของประเทศส่วนใหญ่มีความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจัดว่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศด้านใด
-ลักษณะของการเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพ
รั้วของชาติ
-เต้ย  ยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในกลุ่มที่มีข้อเสนอแนะในการทำงานกลุ่มที่แตกต่างกับความคิดของเขา แสดงถึงคุณลักษณะของเต้............
-การพัฒนาสมาชิกในครอบครัวให้เป็นคนดี มีความรู้ ปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม มีผลดีในด้านใดมากที่สุด
-คุณธรรม จริยธรรมของพลเมืองในด้านใด ที่สร้างความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย
-อะไรบ้างจัดว่าเป็นพลเมืองดีด้านเศรษฐกิจ
-สื่อมวลชนหลายฉบับลงข่าวการทำงานของรัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นข่าวจริงที่เชื่อถือได้ สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่พลเมืองในด้าน.................
-การที่นักเรียนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนทุกวิชาให้ได้ความรู้และประสบการณ์มากที่สุด แสดงว่านักเรียนเป็นพลเมืองดีด้านใด
-เด็กหญิงพจเนย สว่างโล่ง ขโมยของกินในร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง การกระทำของเธอถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย..........................
-อะไรคือกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
-อะไรเป็นสิ่งที่กำหนดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน
-สินค้าประเภทน้ำหอม หน่วยงานใดเป็นผู้จัดเก็บภาษี
-การกระทำความผิดอาญา   ที่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษถ้ามีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
-นางสาวตุ๊แหน่ว กลุ้มใจที่น้ำหนักขึ้นทุกวัน อยากให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วจึงไปหาแพทย์เพื่อดูดไขมันออกโดยที่แพทย์ยืนยันว่าปลอดภัย ขณะที่ทำการดูดไขมันนางสาวต็แหน่ว ถึงแก่ความตายเพราะมีโรคแทรกซ้อน แพทย์จะมีความผิดหรือไม่อย่างไร
 -หลักกฎหมายอาญา……………………..
 -นายตองขโมยรถยนต์ของนายตั้มไป หลังจากนั้น 3 วัน นายตองกลับใจนำรถยนต์มาคืนนายตั้ม นายตองจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
 -พนักงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญา………………………..
 -โทษทางอาญา………………………
 -นายปอนด์ใช้เด็กชายเปียวให้ไปลักทรัพย์ของนายป้อม โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของนายปอนด์ เด็กชายเปียวหลงเชื่อและทำตาม นายปอนด์และเด็กชายเปียวมีความผิดหรือไม่
-บุคคลใดต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
-คำจำกัดความของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ......................................
-ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยกับประเทศใดที่มีลักษณะเป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
-คณะมนตรีความมั่นคง องค์การสหประชาชาติ ประกอบด้วยสมาชิกถาวรกี่ประเทศ
-เลขาธิการสหประชาชาติคนปัจจุบัน…………………………
-การมีส่วนร่วมทางการเมืองใน  ที่ถูกต้องตามกฎหมาย……………………………………..
-ข้อใดเป็นบทลงโทษของการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีพฤติกรรม ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปทางทุจริตหรือกระทำผิดต่อหน้าที่เมื่อดำเนินการไต่สวนแล้ว มีความผิดจริง
-อังรีดูนังต์ บิดาแห่งองค์การกาชาดสากล เป็นผู้ริเริ่มกฎหมายระหว่างประเทศ คือกฎหมาย...................
 -การที่ชาวไทยปฏิบัติต่อชาวต่างชาติที่ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพักพิงในประเทศไทย จนได้รับการยกย่องจาก สหประชาชาติการกระทำนี้...............................
-การแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติให้ได้ผลดีตามเป้าหมายนั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากใคร
-คำกล่าวที่ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือกฎหมาย” หมายถึง............................
-ปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไร.......................
-การที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ มีผลดีอย่างไร
-ประเทศไทยมีส่วนสำคัญในฐานะประเทศร่วมก่อตั้งองค์การระหว่างประเทศหลายองค์กร อะไรบ้าง
-การที่ประเทศไทยมีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับประชาชนน้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากปัจจัยสำคัญคือ
-หน้าที่สำคัญของรัฐบาล คือ.................
-ประชาชนตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลได้อย่างไร
-หน่วยงานใด มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกจากตำแหน่งในกรณีกระทำผิดต่อ ตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่
-หน่วยงานใด มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนในเรื่องการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ของข้าราชการ

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

มาทบทวนก่อนสอบปลายภาค

ทรงพระเจริญ

-เพราะเหตุใดในสังคมจึงต้องมีการกำหนดหรือสร้างกฎหมายขึ้นมาใช้ในสังคม
-องค์ประกอบของกฎหมาย  ได้แก่อะไรบ้าง
-กฎหมายที่ตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ คือ...
-นายวิชากรทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านและที่ดิน เขาควรจะมีความรู้หรือศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายในเรื่องใดมากที่สุด
-ข้อสำคัญในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได่แก่...
-รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีความแสดงถึง.....ของไทย
-รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2550 แบ่งออกเป็นกี่หมวด
-การกำหนดตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้ว่าอย่างไร
-สมาชิกวุฒิสภาของไทย อยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
-ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเพียงพรรคเดียวเป็นเวลาเท่าไร
-ศาลใดที่มีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
-สภาผู้แทนราษฎรมีจำนวนสมาชิกกี่คน
-การลงบัญชีทหารกองเกินจะกระทำในเดือนใดของทุกปี
-ชายไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์และยังไม่ถึง 30 ปีบริบูรณ์จะ  
   ต้องลงบัญชี........
 -บุคคลใดที่ ไม่ได้รับยกเว้นการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค

ใบงานที่  ......................

เรื่อง   กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
คำสั่ง  ให้นักเรียนศึกษาความรู้ในหนังสือเรียน เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรแล้วตอบคำถามลงในสมุด  
            ส่งครูเมื่อหมดชั่วโมง

1.  ฉลากสินค้าระบุสิ่งใดบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ วัน / เดือน / ปี ที่ผลิต และหมดอายุ ผู้ผลิต หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ผลิต ส่วนประกอบที่สำคัญ วิธีใช้)
2. นักเรียนคิดว่าถ้านักเรียนซื้อสินค้าโดยไม่อ่านฉลากให้ครบถ้วนจะเกิดผล
(ตัวอย่างคำตอบ อาจได้รับอันตรายจากสินค้า ใช้สินค้าไม่ถูกวิธี)
3.  นักเรียนคิดว่าการโฆษณาสินค้ามีผลต่อผู้ซื้อหรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ มีผลทำให้ผู้บริโภคอยากลองใช้สินค้า)
บ้านหลังแรก
4.  สิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายได้แก่อะไรบ้าง
(ตัวอย่างคำตอบ สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องเพียงพอเกี่ยวกับการซื้อสินค้าและบริการ สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย)
5.  องค์กรใดมีหน้าที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) )
6.  การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการโฆษณามีลักษณะอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ
มีคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา ดำเนินการดังนี้ ควบคุมดูแลการโฆษณาสินค้าหรือบริการโดยจะต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ป้องกันหรือระงับยับยั้งความเสียหายหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อผู้บริโภค ตรวจสอบข้อความโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการโฆษณา)
7.  การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลากเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการว่าด้วยฉลากจะต้องมีหน้าที่อย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ กำหนดสินค้าที่ประชาชนทั่วไปใช้และสินค้าที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและจิตใจให้เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการทำฉลาก มีอำนาจให้ผู้ประกอบการธุรกิจแก้ไขฉลากที่ไม่ถูกต้อง มีอำนาจออกคำสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค)
รถคันแรก
8.  การเลือกซื้อสินค้าพิจารณาจากสิ่งใด (ตัวอย่างคำตอบ ผู้บริโภคควรตรวจและสอบถามรายละเอียดฉลากของสินค้า เพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพของสินค้า ศึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไข หรือข้อจำกัดของสินค้า ตรวจดูสภาพ คุณภาพ และปริมาณของสินค้าว่าเป็นจริงตามที่ระบุไว้ในฉลาก)
9.  การเลือกซื้อสินค้าควรสังเกตสิ่งใดบนฉลากบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ ชื่อสถานที่ประกอบการ ชนิดของสินค้า ราคา วันเดือนปีที่ผลิตหรือหมดอายุ ปริมาณสุทธิ ส่วนประกอบของสินค้า คำแนะนำและคำเตือนเกี่ยวกับสินค้า)
10.  การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญามีขึ้นเพื่อแก้ปัญหาใด (ตัวอย่างคำตอบ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและป้องกันมิให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบในการทำสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจ)
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
11.  การตรวจสอบสัญญามีลักษณะอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ต้องตรวจสอบชื่อ ที่อยู่ของคู่สัญญา ความสามารถของคู่สัญญา การลงชื่อต้องลงต่อหน้ากันทุกฝ่าย)
12.  การคุ้มครองผู้บริโภคด้านการขายและตลาดแบบตรงมีกฎหมายบัญญัติอย่างไรบ้าง
ฉลากสินค้า







(ตัวอย่างคำตอบ เอกสารการซื้อขาย ต้องระบุผู้ซื้อ ผู้ขาย วันเดือนปีที่ซื้อขาย สิทธิในการบอกเลิกสัญญา และเป็นภาษาไทยชัดเจน ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยส่งหนังสือแสดงเจตนาไปที่ผู้ขายภายใน 7 วัน ถ้าเป็นความผิดของผู้บริโภคในการทำสินค้าหายหรือชำรุด ผู้บริโภคต้องชดใช้ค่าเสียหาย เว้นแต่เป็นความเสียหายจากการเปิดหรือการประกอบสินค้า คำรับประกันสินค้าต้องเป็นภาษาไทย)



กฎหมายภาษีอากร


ใบงานที่  ......................
เรื่อง   กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร
คำสั่ง  ให้นักเรียนศึกษาความรู้ในหนังสือเรียน เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรแล้วตอบคำถามลงในสมุด  
ส่งครูเมื่อหมดชั่วโมง
1.  มีสิ่งใดอีกบ้างที่ใช้ฟรี ที่มาจากภาษีประชาชน (ตัวอย่างคำตอบ น้ำประปา ไฟฟ้า รถไฟ)
2.  นักเรียนคิดว่าการกระทำนี้ส่งผลอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ เป็นการบริการประชาชนที่ให้ภาษีแก่รัฐ)
3. นักเรียนคิดว่าควรมีการกระทำนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะอะไร (ตัวอย่างคำตอบ  มี   เพราะประชาชนจะได้รับสิทธิ ความสะดวกสบาย)
4. นักเรียนคิดว่าถ้าประชาชนไม่เสียภาษีจะเกิดผลอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ประเทศไม่มีเงินหมุนเวียน ไม่พัฒนา)
5.  หน่วยงานใดมีหน้าที่จัดเก็บภาษี (กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น)
6.  กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีประเภทใด (ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ภาษีอากรตามกฎหมายอื่น)
7.   กรมสรรพสามิตเก็บภาษีประเภทใด (ภาษีจากการขายสินค้าและให้บริการจากการขายสินค้า สินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ )
8.  กรมศุลกากรจัดเก็บภาษีประเภทใด (ภาษีที่เก็บจากสินค้าที่นำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศ)
9. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือภาษีลักษณะใด (ตัวอย่างคำตอบ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปที่มีเงินได้ตั้งแต่ 150,001 บาทขึ้นไป เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค.ของปีที่ผ่านมา)
10. การยื่นแบบภาษีทำได้อย่างไร (ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ยื่นทางไปรษณีย์ ยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ธนาคารพาณิชย์และสาขาที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือต่างจังหวัด)
11. ภาษีเงินได้นิติบุคคลได้จากที่ใด (ตัวอย่างคำตอบ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและต่างประเทศ กิจการซึ่งเป็นการค้าหรือการหากำไรในประเทศไทยที่ดำเนินการกิจการที่ร่วมทุนกันค้าหรือหากำไรระหว่างนิติบุคคล มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้)
12.  ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีเกี่ยวกับอะไร (ตัวอย่างคำตอบ ภาษีที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพซึ่งประกอบกิจการในรูปของบุคคลธรรมดา
คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนที่มิใช่นิติบุคคล มีรายรับมากกว่า 1.8 ล้านบาท / ปี)
13.  พระราชกฤษฎีกาได้ใช้ภาษีรายรับก่อนหักรายจ่ายกี่เปอร์เซ็น (7 %)
14.  ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นภาษีที่เรียกว่าเก็บจากที่ใดบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ ธนาคาร
การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิต ประกันชีวิต การจำนำ การขาย อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า)
15.  กิจการใดที่ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ กิจการของธนาคารแห่ง
ประเทศไทย กิจการของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กิจการการรับจำนำของกระทรวง ทบวง กรม)
16.  ป้ายที่ต้องเสียภาษีได้แก่ป้ายอะไรบ้าง (ป้ายที่แสดงชื่อยี่ห้อหรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือกิจการอื่น ๆ เพื่อการโฆษณา)
17.  การยื่นแสดงรายการภาษีป้ายยื่นได้ที่ใด (สำนักงานเขต เทศบาล หรือนายอำเภอหรือสำนักงานสุขาภิบาล ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี)
18.  การชำระภาษีป้ายชำระภายในกี่วัน (15 วัน)
19.  ภาษีโรงเรือนและที่ดินคือภาษีเกี่ยวกับอะไร (ภาษีที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ กับที่ดินซึ่งอยู่อาศัยเองหรือให้ผู้อื่นเช่าหรือใช้ประกอบกิจการต่าง ๆ ในรอบปี)
20.  จะต้องชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินภายในกี่วันหลังจากได้รับการแจ้งประเมิน (30 วัน)21.  อัตราการเสียภาษีโรงเรือนคิดเป็นเท่าไร (ร้อยละ 12ของค่ารายปี)
22.  ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายมีลักษณะอย่างไร (การคำนวณหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้คำนวณหักได้
ทุกครั้งที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ในอัตราร้อยละของยอดเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในแต่ละครั้ง ตามประเภทเงินได้พึงประเมิน)
ผู้มีเงินได้มีหน้าที่จ่ายภาษีทุกปี เพื่อพัฒนาประเทศชาติ

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลำดับชั้นของกฎหมาย

1.กฎหมายรัฐธรรมนูญ
คือ กฎหมายสูงสุดในการจัดระเบียบการปกครองประเทศ ซึ่งจะวางระเบียบแห่งอำนาจสูงสุดของรัฐ
หรืออำนาจอธิปไตย ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ตลอดจนการกำหนดสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ของชนชาวไทย

2.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา เป็นกฎหมายหลักที่สำคัญที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน พระราชบัญญัติเป็นกฎหมายที่มีลำดับชั้นรองลงมาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติที่สำคัญที่รัฐสภาตราออกมาใช้บังคับ เช่น พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 เป็นต้น


3.ประมวลกฎหมาย
คือ กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ได้บัญญัติหรือตราขึ้นโดยรวบรวมจัดเอาบทบัญญัติเกี่ยวกับกฎหมายที่เป็นเรื่องเดียวกันเอามารวบรวมเป็นหมวดหมู่ วางหลักเกณฑ์ให้อยู่ในที่เดียวกันและมีข้อความเกี่ยวเนื่องติดต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลรัษฎากร เป็นต้น

ประมวลกฎหมายมีฐานะเท่าเทียมกับพระราชบัญญัติ

4.พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) คือ กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี การตราพระราชกำหนดให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และต้องเป็นกรณีเพื่อจะรักษาความปลอดภัยของประเทศหรือความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือเป็นพระราชกำหนดเกี่ยวด้วยการภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินและเมื่อได้ประกาศใช้แล้วต้องเสนอพระราชกำหนดนั้นต่อสภาทันทีถ้ารัฐอนุมัติก็มีผลใช้บังคับเป็นพระราชบัญญัติต่อไป ถ้ารัฐสภาไม่อนุมัติก็ตกไป แต่ถ้าไม่กระทบกระเทือนกิจการที่ได้เป็นไปในระหว่างที่ใช้พระราชกำหนดนั้น การประกาศใช้พระราชกำหนดให้ประกาศในราช-กิจจานุเบกษา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ


5.พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ)คือกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงตราขึ้นตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี พระราชกฤษฎีกาจะออกได้ต่อเมื่อพระราชบัญญัติซึ่งถือเป็นกฎหมายแม่บทให้อำนาจไว้ พระราชกฤษฎีกาจึงเป็นเสมือนกฎหมายที่ไม่สามารถจะออกมาให้ขัดหรือแย้งกับกฎหมายแม่บท และถ้ากฎหมายแม่บทถูกยกเลิก พระราชกฤษฎีกานั้นก็ถือว่าถูกยกเลิกไปด้วย การประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา


6. กฎกระทรวงคือ กฎหมายที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติอันเป็นกฎหมายแม่บทออกมาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินั้น ๆ กฎกระทรวงจึงเป็นกฎหมายบริวารที่กำหนดรายละเอียดของกฎหมายแม่บทอีกต่อหนึ่ง กฎกระทรวงจะออกมาขัดแย้งกับกฎหมายแม่บทไม่ได้และถ้ากฎหมายแม่บทถูกยกเลิก กฎกระทรวงนั้นถือว่าถูกยกเลิกไปด้วย คณะรัฐมนตรีเป็นอนุมัติกฎกระทรวง การประกาศใช้กฎกระทรวงให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา


7. ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่ง
คือ กฎหมายปลีกย่อยประเภทที่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แก่เรื่องที่เกี่ยวกับระเบียบการปฏิบัติราชการ
ภายในและการที่จะนำกฎหมายปลีกย่อยเหล่านี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องเป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ถ้าในกฎหมายไม่ได้กำหนดเช่นนั้นก็อยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจว่าการจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่ ซึ่งประกาศ ระเบียบข้อบังคับ และคำสั่งเหล่านั้นก็เป็นกฎหมายได้เช่นกัน


8. กฎหมายที่ออกโดยองค์กรปกครองตนเอง
ได้แก่ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ข้อบัญญัติเมืองพัทยา ข้อบัญญัติจังหวัด เทศบัญญัติ และข้อบังคับ
สุขาภิบาล เป็นกฎหมายที่มีพระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรปกครองตนเองอันเป็นการบริหารส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ให้มีอำนาจออกกฎหมายบังคับใช้เฉพาะท้องถิ่นเท่านั้น

ประเภทของกฎหมาย


ประเภทของกฎหมาย
               
การแบ่งประเภทของกฎหมาย อาจแบ่งได้หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับผู้แบ่งว่าจะใช้อะไรเป็นหลัก แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะแบ่งอย่างคร่าว ๆ ก่อนโดยแบ่งกฎหมายออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ กฎหมายภายใน ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใช้โดยองค์กรที่มีอำนาจภายในรัฐหรือประเทศ และกฎหมายภายนอก ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นจากสนธิสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศ  
                กฎหมายภายใน และกฎหมายภายนอก ยังอาจแบ่งย่อยได้อีกหลายลักษณะ ตามหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน 
ดังนี้
 กฎหมายภายใน
                แบ่งได้หลายลักษณะตามหลักเกณฑ์ ดังนี
  1. ใช้เนื้อหาของกฎหมายเป็นหลักเกณฑ์การแบ่ง แบ่งกฎหมายออกเป็น 2 ประเภท คื
               1.1 กฎหมายลายลักษณ์อักษร ได้แก่ ตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ที่บัญญัติขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร โดยองค์กรที่มีอำนาจตามกระบวนการนิติบัญญัติ เช่น รัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติต่าง ๆ ฯลฯ เป็นต้น
               1.2 กฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
ได้แก่ จารีตประเพณีต่าง ๆ ที่นำมาเป็นหลักในการพิจารณาตัดสินคดีความ ดังได้กล่าวมาแล้วในเรื่องที่มาของกฎหมาย ซึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทยก็มีบทบัญญัติไว้ในมาตรา 4 วรรค 2 ว่าเมื่อไม่มีบทกฎหมายใดที่จะยกมาปรับแก้คดีได้ ท่านให้วินิจฉัยคดีนั้นตามคลองจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น

2. ใช้สภาพบังคับกฎหมายเป็นหลักในการแบ่ง แบ่งกฎหมายออกเป็น 2 ประเภท คือ
            2.1 กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา
ได้แก่ กฎหมายต่าง ๆ ที่มีโทษตามบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา เช่น ประมวลกฎหมายอาญา   พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พระราชบัญญัติรับราชการทหาร ฯลฯ เป็นต้น
            2.2 กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
สภาพบังคับทางแพ่งมิได้มีบัญญัติไว้ชัดเจนเหมือนสภาพบังคับทางอาญา แต่ก็อาจสังเกตได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น การบังคับชำระหนี้ การชดใช้ค่าเสียหาย หรืออาจสังเกตได้อย่างง่าย ๆ คือ กฎหมายใดที่ไม่มีบทบัญญัติกำหนดโทษทางอาญา ก็ย่อมเป็นกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
3. ใช้บทบาทของกฎหมายเป็นหลักเกณฑ์ในการแบ่ง       แบ่งกฎหมายออกเป็น 2 ประเภท คือ
             3.1 กฎหมายสารบัญญัติ
ได้แก่ กฎหมายที่กล่าวถึงการกระทำต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบของความผิดโดยทั่วไปแล้วกฎหมายส่วนใหญ่ จะเป็นกฎหมายสารบัญญัติ
             3.2 กฎหมายวิธีสบัญญัติ ได้แก่ กฎหมายที่กล่าวถึงวิธีการที่จะนำกฎหมายสารบัญญัติไปใช้ว่าเมื่อมีการทำผิดบทบัญญัติกฎหมาย จะฟ้องร้องอย่างไร จะพิจารณาตัดสินอย่างไร พูดให้เข้าใจง่าย ๆ กฎหมายวิธีสบัญญัติก็คือ กฎหมายที่กล่าวถึงวิธีการเอาตัวผู้กระทำผิดไปรับสภาพบังคับนั่นเอง เช่น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กฎหมายวิธีพิจารณาความในศาลแขวง กฎหมายวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว เป็นต้น
4. ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนเป็นหลักเกณฑ์ในการแบ่ง แบ่งกฎหมายออกเป็น 2 ประเภท คือ
            4.1 กฎหมายเอกชน ได้แก่ กฎหมายที่บัญญัติถึงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนด้วยกัน โดยที่รัฐไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด เป็นต้น
           4.2 กฎหมายมหาชน
ได้แก่ กฎหมายที่บัญญัติถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน ในฐานะที่รัฐเป็นผู้ปกครอง จึงต้องมีอำนาจบังคับให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสงบสุข เช่น รัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พระราชบัญญัติป้องกัน  การค้ากำไรเกินควร หรือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความต่าง ๆ เป็นต้น

กฎหมายภายนอก หรือกฎหมายระหว่างประเทศ
แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
      1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
ได้แก่ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐที่จะปฏิบัติต่อกัน เมื่อมีความขัดแย้งหรือเกิดข้อพิพาทขึ้น เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ หรือได้แก่ สนธิสัญญา หรือเกิดจากข้อตกลงทั่วไป ระหว่างรัฐหนึ่งกับรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐที่เป็นคู่ประเทศภาคี ซึ่งให้สัตยาบันร่วมกันแล้วก็ใช้บังคับได้ เช่น สนธิสัญญาไปรษณีย์สากล เป็นต้น
       2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ได้แก่ บทบัญญัติที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลรัฐหนึ่งกับอีกรัฐหนึ่ง เมื่อเกิดความขัดแย้ง ข้อพิพาทขึ้น จะมีหลักเกณฑ์วิธีการพิจารณาตัดสินคดีความอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน เช่น ประเทศไทยเรามี พระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกับแห่งกฎหมาย ซึ่งใช้บังคับกับบุคคลที่อยู่ในประเทศไทยกับบุคคลที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ

       3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา ได้แก่ สนธิสัญญา หรือข้อตกลงเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาซึ่งประเทศหนึ่งยินยอมหรือรับรองให้ศาลของอีกประเทศหนึ่ง มีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีและลงโทษบุคคลประเทศของตนที่ไปกระทำความผิดในประเทศนั้นได้ เช่น คนไทยไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาแล้วกระทำความผิด ศาลสหรัฐอเมริกาก็พิจารณาตัดสินลงโทษได้ หรือบุคคลประเทศหนึ่งกระทำความผิดแล้วหนีไปอีกประเทศหนึ่ง เป็นการยากลำบากที่จะนำตัวมาลงโทษได้ จึงมีการทำสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อให้ประเทศที่ผู้กระทำความผิดหนีเข้าไปจับตัวส่งกลับมาลงโทษ ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรม ปัจจุบันนี้ประเทศไทยทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม และอิตาลี ฯลฯ เป็นต้น